วิตามินซี..กินอย่างไรให้ตรงจุด

ต้องเล่าให้ฟังก่อนว่าร่างกายคนเราไม่สามารถสร้างวิตามินซีได้ด้วยตัวเอง หากไม่รับประทานอาหารจำพวกผลไม้ที่ให้รสเปรี้ยวเช่น มะนาว ส้ม สตรอเบอรี่ หรือผักใบเขียวต่างๆ เช่นบล็อคโคลี หรือผักคะน้า อย่างเพียงพอ

เราก็ต้องหาอาหารเสริมมารับประทานซึ่งก็มีขายอยู่ทั่วไป ซึ่งแต่ละคนก็มีเหตุผลในการเลือกซื้อที่ต่างกัน อย่างเช่น ป้องกันหวัด บำรุงผิวพรรณ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ และอื่นๆตามความต้องการของร่างกาย

แล้วเราควรได้รับวิตามินซีปริมาณเท่าไหร่ต่อวันล่ะ?
สำหรับคนทั่วไปที่ต้องการกินเพื่อบำรุงร่างกาย ควรได้รับปริมาณวิตามินซี ประมาณ 1000 มิลลิกรัม / วัน ซึ่งในปริมาณนี้ก็จะช่วยบำรุงร่างกายและผิวพรรณให้สดใสแข็งแรง ทั้งช่วยในการผลิตคอลลาเจนได้อีกด้วย แต่สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ หรือหอบหืดสามารถรับประทานได้สูงสุดถึง 2000 มิลลิกรัม / วัน เลยทีเดียว* (ตัวอย่าง : บล็อกโคลี 1 หัว มี 132 มิลลิกรัม) และหากกังวลว่าจะรับประทานมากเกินไปจนเกิดผลข้างเคียง ซึ่งเกิดได้น้อยมาก เพราะวิตามินซีสามารถขับออกจากร่างกายทางของเสียเช่น เหงื่อ หรือปัสสาวะ

ฉะนั้นหากใครกำลังหาตัวเลือกในการดูแลสุขภาพอาจต้องพิจรณาจากปัญหาสุขภาพของตัวเองก่อนจะเลือกซื้อวิตามินซีมารับประทาน ซึ่งก็เป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณป้องกันโรคได้อย่างสบายใจ แต่หากวันที่เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดกับคุณล่ะ จะทำอย่างไรดี? ถ้าหากมีเพื่อนคู่คิดไว้ปรึกษาดูแลก็คงดีกว่าใช่มั้ย

ผักผลไม้ 5 สี ฮีโร่ในชีวิตจริง

สมัยเด็กๆ เราอาจเคยดูขบวนการ 5 สีใช่มั้ย? ขบวนการที่มี 5 คน คาแรคเตอร์ต่างกันไปและช่วยกอบกู้เมืองไว้ เช่นเดียวกันกับ “ผักผลไม้ 5 สี” ที่จะช่วยกอบกู้ดูแลร่างกายของคุณให้แข็งแรง ด้วยการทำหน้าที่ที่ต่างกันไปของผักผลไม้แต่ละสี เรามาดูกันดีกว่า ว่า 5 สีที่ว่านั้น มีสีอะไรบ้าง

สีแดง

ฉะนั้นหากใครกำลังหาตัวเลือกในการดูแลสุขภาพอาจต้องพิจรณาจากปัญหาสุขภาพของตัวเองก่อนจะเลือกซื้อวิตามินซีมารับประทาน ซึ่งก็เป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณป้องกันโรคได้อย่างสบายใจ แต่หากวันที่เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดกับคุณล่ะ จะทำอย่างไรดี? ถ้าหากมีเพื่อนคู่คิดไว้ปรึกษาดูแลก็คงดีกว่าใช่มั้ย

สีม่วง/น้ำเงิน

เจ้าสีม่วง น้ำเงินนี้ก็มาจากแอนโทไซยานิน มีคุณสมบัติกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต่างๆ ลดการเกิดโรคหัวใจ และช่วยยับยั้งเจ้าสารอีโคไลที่เป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษ ผักผลไม้สีม่วงน้ำเงินที่ควรรับประทานก็คือ มะเขือม่วง กระหล่ำปลีสีม่วง ดอกอัญชัญ บลูเบอรี่ และหอมแดง

สีเขียว

ถ้าพูดถึงสีเขียว ก็คงมีผักหลายชนิดผุดขึ้นมาในหัว ซึ่งก็มีสีเขียวไล่ไปตั้งแต่ สีเขียวเข้มไปจนถึงผักที่มีสีเขียวอ่อน เจ้าสีเขียวเนี่ยก็มาจาก คลอโรฟิลด์ที่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันมะเร็ง ดูแลเรื่องการขับถ่าย ให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ยิ่งเป็นผักสีเขียวที่มีกากใยเยอะๆ เช่น คะน้า กระหล่ำปลี บรอกโคลี ยังช่วยให้อิ่มไว ลดน้ำหนักได้อีกนะ

สีเหลือง/ส้ม

สีเหลืองมาจาก ลูทีน ช่วยบำรุงสายโดยตรง ในเรื่องของการบำรุงจอประสาทตา ไม่ให้เสื่อมไวในผู้ใหญ่ และสำหรับเด็กก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นด้วยนะ

ส่วนสีส้มก็มาจากเบตาแคโรทีน ช่วยลดคอเรสโตรอล และไขมันในเส้นเลือด เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ดูแลผิวพรรณให้สดใสตลอดเวลา ผักผลไม้สีเหลือง และส้มก็ได้แก่ สัปปะรด แครอท มะละกอ ฟักทอง เป็นต้น

สุดท้ายสีขาวไปจนถึงสีน้ำตาล

เจ้าผักผลไม้สีขาว ไปจนถึงน้ำตาลเนี่ยมีสาร แซนโทน ซึ่งก็อยู่ในกลุ่มโฟลวานอยด์ รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับดี ป้องกันความดันโลหิต และโรคหัวใจได้ แล้วผักผลไม้เหล่านี้มีอะไรบ้างล่ะ? มีทั้งกระเทียม ขิง ข่า ถั่วเหลือง ถั่วงอก หรือผลไม้อย่าง กล้วย ลิ้นจี่ ละมุด สาลี

เมื่อทราบประโยชน์ของผักผลไม้ 5 สีแล้ว ก็อย่าลืมกินให้ครบทุกสี ในทุกๆ มื้อ หรือสลับกันไปด้วยนะ เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างครบถ้วน และนอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะเป็นตัวช่วยป้องกันโรคแล้ว การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาประกันที่สามารถดูแลคุณได้ทุกสถานการณ์ก็ยังสำคัญ ลองศึกษา และหาประกันที่ใช่สำหรับคุณได้